กรรมาธิการ FCC วอน Google และ Apple แบน TikTok อ้างแอปแทรกแซงข้อมูลผู้ใช้งานของสหรัฐฯ 

Brendan Carr กรรมาธิการ FCC (Federal Communication Commission) ซึ่งเป็นคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร เป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่ควบคุมในเรื่องของการสื่อสาร ได้อ้างถึงรายงานที่ระบุว่าพนักงานในปักกิ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ของสหรัฐฯ ได้

แบน TikTok

Brendan Carr ได้ออกมาทวิตข้อความผ่านทาง Twitter พร้อมแนบสำเนาจดหมายที่ส่งให้ Apple และ Google โดยขอให้บริษัท นำ TikTok ออกจากร้านค้าแอปพลิเคชั่น และอ้างถึงรายงานล่าสุดของ BuzzFeed News ที่ได้มีการตรวจสอบคลิปบันทึกเสียงที่รั่วไหลจากการประชุมภายในของ TikTok กว่า 80 รายการ ซึ่งเนื้อหาภายในคลิปเสียงนั้น พบว่ามีพนักงานของ TikTok ByteDance ได้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ BuzzFeed News จะเผยแพร่รายงานนี้ TikTok ก็ออกมาประกาศว่าได้ทำการย้ายข้อมูลปริมาณการใช้งานของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา 100 เปอร์เซ็นต์ไปยัง Oracle Cloud Infrastructure ใหม่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการจัดการข้อกังวลของทางการสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีการจัดการข้อมูลจากผู้ใช้ในประเทศ 

TikTok

ซึ่งในจดหมายของ Carr ได้ระบุรายงานอื่นๆ ที่แสดงถึงหลักฐานและการพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลของ TikTok รวมถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่นักวิจัยค้นพบว่าแอปสามารถหลีกเลี่ยงระบบป้องกัน Android และ iOS เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ อีกทั้งยังอ้างถึงการตัดสินใจของ TikTok ในปี 2021 ที่จะจ่ายเงิน 92 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีความหลายสิบคดี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากผู้เยาว์ โดยกล่าวหาว่าบริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม และขายให้กับผู้โฆษณา

TikTok

ในท้ายที่สุดนี้เขาได้ให้เวลากับ Apple และ Google จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อขอคำอธิบายถ้าทั้งสองบริษัทยังไม่ลบแอปออกจากร้านค้า ซึ่งในท้ายจดหมายนั้นจะเห็นได้ว่า Carr เป็นผู้ลงนามคนเดียวของจดหมาย โดยไม่มีคณะกรรมาธิการ FCC คนอื่น ๆ เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มี TikTok ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกกล่าวอ้างเช่นนี้ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการกดดันผ่านทางบริษัทพาร์ทเนอร์ใหญ่อย่าง Google และ Apple โดยในตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาจากทั้งสองบริษัท แต่การจะถอดแอปใหญ่ยอดนิยมอย่าง TikTok ออกไปในทันทีคงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายดายเท่าไหร่นัก ก็ยังเป็นเรื่องราวที่คงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป

Source: Engadget